ไส้กรองสแตนเลส เป็นวัสดุที่นิยมใช้เพราะทนทาน และไม่เกิดสนิมง่ายเหมือนเหล็กทั่วไป แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ทำให้เกิดสนิมได้ การใช้งานไส้กรองสแตนเลสโดยทั่วไป นอกจากจะสามารถใช้งานและทำความสะอาดได้อย่างง่ายดายแล้ว ยังสามารถป้องกันการเกิดสนิมได้ด้วย
ยกตัวอย่างสาเหตุหลัก ที่ทำให้ไส้กรองสแตนเลสเกิดสนิม
- การใช้น้ำยาล้างที่มีกรดไฮโดรคลอริกมากเกินไป สามารถทำให้ตัวไส้กรองเกิดสนิมได้ เนื่องจากกรดไฮโดรคลอริกเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติเป็นกรดเข้มข้น ซึ่งสามารถกัดกร่อนโลหะได้อย่างรวดเร็ว เมื่อไส้กรองถูกสัมผัสกับกรดในระดับสูงจะทำให้ชั้นฟิล์มป้องกันสนิมถูกทำลาย ส่งผลให้โลหะสัมผัสกับออกซิเจนและความชื้นในอากาศได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดการเกิดสนิม
- การสัมผัสกับน้ำที่มีปูนซีเมนต์หรือผงปูน สามารถทำให้ตัวไส้กรองเกิดสนิมได้ง่าย เนื่องจากส่วนประกอบเหล่านี้มีความเป็นด่างสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีที่ก่อให้เกิดการกัดกร่อนของโลหะได้ โดยเฉพาะเมื่อมีความชื้นผสมอยู่ด้วย อาจจะทำให้ไส้กรองประเภทสแตนเลสเกิดสนิมขึ้นได้ง่าย ซึ่งแน่นอนว่าสามารถใช้งานและนำมาทำความสะอาดได้ แต่อาจจะต้องนำขึ้นมาเช็ดและทำความสะอาดบ่อยมากกว่าน้ำที่มีค่ากรดและด่างปกติ
- การสัมผัสกับน้ำทะเลหรือเกลือ เป็นปัจจัยที่ทำให้ตัวไส้กรองเกิดสนิมได้ง่าย เนื่องจากเกลือมีคุณสมบัติในการเร่งกระบวนการกัดกร่อนตัวไส้กรองสแตนเลส ทำให้เกิดสนิมขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อมีความชื้นร่วมด้วย เกลือจะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้โลหะเกิดออกซิเดชัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสนิม แต่ก็ต้องทำการล้างทำความสะอาดเป็นประจำ
- การใช้สแตนเลสเกรดต่ำ ในการผลิตไส้กรองสามารถทำให้เกิดสนิมได้ง่าย เนื่องจากสแตนเลสเกรดต่ำมักมีการผสมสารนิกเกิลและโครเมียมต่ำกว่า ทำให้ความต้านทานต่อการกัดกร่อนลดลง เมื่อมีการสัมผัสกับน้ำหรือความชื้น สแตนเลสเหล่านี้จะมีแนวโน้มที่จะเกิดสนิมที่เพิ่มขึ้น โดยสาเหตุเพิ่มเติมที่มีผลคือ
4.1. การขัดผิวไม่เรียบ : หากผิวของสแตนเลสไม่เรียบจะทำให้เกิดจุดที่น้ำสามารถเกาะและเกิดสนิมได้ง่าย
4.2. การสัมผัสกับสารเคมี : การใช้สารเคมีที่กัดกร่อนสามารถทำให้สแตนเลสเกรดต่ำเสียหายได้เร็วขึ้น
วิธีป้องกันแบบมือโปร
การป้องกันการเกิดสนิมในไส้กรองสแตนเลสเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ การดูแลรักษาที่ถูกต้องสามารถทำได้ตามแนวทางดังนี้
- เลือกวัสดุที่เหมาะสม
การเลือกเกรดของสแตนเลสมีความสำคัญมาก โดยเกรด 316 และ 304 เป็นที่นิยม เนื่องจากมีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง หากไส้กรองต้องสัมผัสกับสารเคมีหรือสภาพแวดล้อมที่ชื้น ควรเลือกเกรดที่เหมาะสมเพื่อป้องกันสนิม
- การทำความสะอาด
ควรทำความสะอาดไส้กรองเป็นประจำ โดยใช้น้ำสบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดที่ไม่กัดกร่อน การทำความสะอาดจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและคราบที่อาจก่อให้เกิดสนิม ควรหลีกเลี่ยงการใช้แปรงขนแข็งหรือวัสดุที่มีความขรุขระ เพราะอาจทำให้พื้นผิวของสแตนเลสเสียหาย
- การเคลือบผิว
การเคลือบผิวด้วยสารป้องกันสนิม เช่น พอลิเมอร์หรือสารเคลือบที่มีคุณสมบัติป้องกันการกัดกร่อน จะช่วยเพิ่มการปกป้องจากความชื้นและสารเคมี อีกทั้งยังช่วยรักษาความเงางามของสแตนเลส
- การระบายอากาศ
การมีการระบายอากาศที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดความชื้นในบริเวณที่ตั้งของไส้กรอง ควรจัดให้มีการไหลเวียนของอากาศที่เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นสะสมอยู่
- การตรวจสอบและซ่อมแซม
ควรตรวจสอบไส้กรองอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจหารอยแตกหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น หากพบปัญหาควรซ่อมแซมทันที โดยไม่ควรรอให้เกิดความเสียหายมากขึ้น
- การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับวัสดุที่กัดกร่อน
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ไส้กรองในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีหรือกรดที่สามารถกัดกร่อนสแตนเลสได้ ซึ่งอาจส่งผลต่ออายุการใช้งาน
การปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้จะช่วยให้ใส้กรองสแตนเลสมีความทนทานต่อการเกิดสนิม และทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น โดยการใส่ใจในรายละเอียดและการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์
สรุป
การใช้งานไส้กรองสแตนเลสก็เป็นอีกหนึ่ง solution ที่หลายๆ คนเลือกใช้มากกว่าไส้กรองแบบอื่นเพราะไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ทำความสะอาดง่าย และไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานหลายปี ซึ่งถ้าหากใครที่กำลังมองหาตัวช่วยในการเลือกไส้กรองให้ถูกต้อง มีคุณภาพ ให้ตรงตามการใช้งานจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านไส้กรองสแตนเลสโดยตรง สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่ บริษัท ยูโลจี กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด โทร 0-2482-3138-9 หรือแอดไลน์ @eulogy